แบ่งปันไปยัง : แบ่งปันไปยัง facebook

         วัดม่วง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่จำศีล ในอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นับเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในอดีต วัดม่วงเคยเป็นวัดร้าง และมีการสันนิษฐานว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2230 ที่ตั้งของวัดอยู่ในแขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก

         ในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า ทำให้เกิดการเผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม รวมถึงพระพุทธรูปจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากเหตุการณ์นั้นคือซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูปที่ยังคงตั้งอยู่บนเนินที่มีต้นไม้ใหญ่หนาแน่น

         วัดม่วงในปัจจุบันได้รับการบูรณะและดูแลอย่างดี ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ วัดนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการสักการะและทำกิจกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงความเป็นมาของเมืองและวัฒนธรรมไทยในอดีต นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถสัมผัสกับความงามของสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปะที่ฝังแฝงอยู่ในโครงสร้างของวัด ทำให้วัดม่วงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดอ่างทอง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_1

รูปภาพจาก PAK STUDIO

ประวัติของวัดม่วง

        มีการกล่าวถึงประวัติและพัฒนาการของวัดม่วง ซึ่งเริ่มต้นจากการที่ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มาพบว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างในปี พ.ศ. 2525 และได้มีนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง ที่ได้แนะนำให้ท่านช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เนื่องจากท่านพระครูมีบารมีที่สามารถก่อสร้างบูรณะวัดได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้เริ่มบูรณะวัดและสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ซึ่งได้รับการบริจาคทั้งเงินและแรงงานจากผู้มีจิตศรัทธา

ในปี พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะให้วัดม่วงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อย่างเป็นทางการ และในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง และในปี พ.ศ. 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณได้ร่วมพลังจิตอธิฐานกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศในการสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และราชวงศ์จักรี มีชื่อว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร มูลค่าการก่อสร้าง 106,000,000 บาท

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_2

รูปภาพจาก PAK STUDIO

          ด้วยความที่วัดม่วงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา จึงได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตศรัทธาและการทำบุญของชาวพุทธมากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียง ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเยี่ยมชมและปฏิบัติธรรม การสร้างวัดม่วงขึ้นใหม่ไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสืบทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยอันล้ำค่าไปพร้อมกัน ทำให้วัดม่วงเป็นสถานที่ที่มีความหมายและมีค่าต่อวงการศาสนาพุทธและประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_3

รูปภาพจาก PAK STUDIO

บรรยากาศภายในวัดม่วง

         ในบริเวณของวัดม่วง จะพบกับรูปปั้นที่แสดงถึงแดนนรกซึ่งสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเกษม ท่านได้สร้างแดนนรกนี้ขึ้นโดยอิงจากพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นตำราทางศาสนาที่อธิบายถึงหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ภายในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงหลักการของการสร้างบุญกุศลและผลที่ตามมาจากการกระทำ ทั้งนี้หมายความว่า การที่บุคคลสร้างบุญกุศลจะได้รับผลบุญกลับมา และในทางตรงกันข้าม หากสร้างบาป ก็จะต้องรับผลของบาปนั้นตามความเชื่อของศาสนาพุทธ

           รูปปั้นในวัดม่วงนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับกรรมและผลกรรมที่ตามมา การเรียงรายของรูปปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศิลปะที่สื่อถึงความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสอนให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของการกระทำในชีวิตประจำวัน และผลที่ตามมาจากการกระทำนั้นๆ ทั้งนี้ การแสดงออกทางศิลปะผ่านรูปปั้นเหล่านี้ ช่วยให้ผู้เข้าชมได้มองเห็นถึงความลึกซึ้งของหลักธรรมและการสอนของพระพุทธศาสนาในมิติที่หลากหลาย พร้อมทั้งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างกรรมและผลกรรมในวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทย.

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_5

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_6

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_7

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_8

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_9

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_10

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_11

พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วัดม่วง

         หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ และคุณป้าละม่อม รัตนพราหมณ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ร่วมกันสร้างวิหารแก้วที่วัดม่วง ภายในบรรจุพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นรูปปั้นเนื้อเงินแท้แห่งแรกของไทย ออกแบบด้วยศิลปะไทย-จีน มีพญานาคประดับราวบันได ภายในวิหารยังจัดแสดงสังขารของหลวงพ่อเกษม ผู้ก่อตั้งวัดม่วงตั้งแต่ปี 2525

          หลวงพ่อเกษมมีชื่อเสียงในด้านคาถาอาคม บอกหวยแม่น และรักษาโรค ความสามารถเหล่านี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วบริเวณ และมีผู้คนมากมายมาขอความช่วยเหลือจากเขา ไม่ว่าจะเป็นการขอหวย, รักษาโรค, สักยันต์ หรือแม้กระทั่งการขับไล่วิญญาณ ซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาพักผ่อนเลย

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_12

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_15

          เนื่องจากมีผู้คนมาหาหลวงพ่อเกษมอย่างต่อเนื่อง และบรรดาผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขามักจะบริจาคเงินเพื่อสร้างวัดม่วง หลวงพ่อเกษมทุ่มเทให้กับการบริหารวัด โดยเริ่มจากการสร้างกุฎิสงฆ์, ห้องน้ำ, พระอุโบสถ และหอสวดมนต์ ท่ามกลางความอ่อนล้า หลวงพ่อเกษมก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ และในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอายุ 54 ปี 6 เดือน 7 วัน สังขารของเขาถูกเก็บรักษาไว้ที่วิหารแก้วในวัดม่วงเพื่อเป็นอนุสรณ์

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_13

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_14

         วัดม่วง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่จำศีล ในอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นับเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในอดีต วัดม่วงเคยเป็นวัดร้าง และมีการสันนิษฐานว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2230 ที่ตั้งของวัดอยู่ในแขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก

         ในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า ทำให้เกิดการเผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม รวมถึงพระพุทธรูปจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากเหตุการณ์นั้นคือซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูปที่ยังคงตั้งอยู่บนเนินที่มีต้นไม้ใหญ่หนาแน่น

         วัดม่วงในปัจจุบันได้รับการบูรณะและดูแลอย่างดี ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ วัดนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการสักการะและทำกิจกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงความเป็นมาของเมืองและวัฒนธรรมไทยในอดีต นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถสัมผัสกับความงามของสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปะที่ฝังแฝงอยู่ในโครงสร้างของวัด ทำให้วัดม่วงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดอ่างทอง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_1

รูปภาพจาก PAK STUDIO

ประวัติของวัดม่วง

        มีการกล่าวถึงประวัติและพัฒนาการของวัดม่วง ซึ่งเริ่มต้นจากการที่ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มาพบว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างในปี พ.ศ. 2525 และได้มีนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง ที่ได้แนะนำให้ท่านช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เนื่องจากท่านพระครูมีบารมีที่สามารถก่อสร้างบูรณะวัดได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้เริ่มบูรณะวัดและสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ซึ่งได้รับการบริจาคทั้งเงินและแรงงานจากผู้มีจิตศรัทธา

        ในปี พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะให้วัดม่วงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อย่างเป็นทางการ และในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง และในปี พ.ศ. 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง

        นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณได้ร่วมพลังจิตอธิฐานกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศในการสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และราชวงศ์จักรี มีชื่อว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร มูลค่าการก่อสร้าง 106,000,000 บาท

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_2

รูปภาพจาก PAK STUDIO

          ด้วยความที่วัดม่วงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา จึงได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตศรัทธาและการทำบุญของชาวพุทธมากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียง ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเยี่ยมชมและปฏิบัติธรรม การสร้างวัดม่วงขึ้นใหม่ไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสืบทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยอันล้ำค่าไปพร้อมกัน ทำให้วัดม่วงเป็นสถานที่ที่มีความหมายและมีค่าต่อวงการศาสนาพุทธและประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_3

รูปภาพจาก PAK STUDIO

บรรยากาศภายในวัดม่วง

         ในบริเวณของวัดม่วง จะพบกับรูปปั้นที่แสดงถึงแดนนรกซึ่งสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเกษม ท่านได้สร้างแดนนรกนี้ขึ้นโดยอิงจากพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นตำราทางศาสนาที่อธิบายถึงหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ภายในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงหลักการของการสร้างบุญกุศลและผลที่ตามมาจากการกระทำ ทั้งนี้หมายความว่า การที่บุคคลสร้างบุญกุศลจะได้รับผลบุญกลับมา และในทางตรงกันข้าม หากสร้างบาป ก็จะต้องรับผลของบาปนั้นตามความเชื่อของศาสนาพุทธ

           รูปปั้นในวัดม่วงนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับกรรมและผลกรรมที่ตามมา การเรียงรายของรูปปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศิลปะที่สื่อถึงความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสอนให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของการกระทำในชีวิตประจำวัน และผลที่ตามมาจากการกระทำนั้นๆ ทั้งนี้ การแสดงออกทางศิลปะผ่านรูปปั้นเหล่านี้ ช่วยให้ผู้เข้าชมได้มองเห็นถึงความลึกซึ้งของหลักธรรมและการสอนของพระพุทธศาสนาในมิติที่หลากหลาย พร้อมทั้งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างกรรมและผลกรรมในวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทย.

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_5

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_6

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_7

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_8

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_9

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_10

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_11

พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วัดม่วง

         หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ และคุณป้าละม่อม รัตนพราหมณ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ร่วมกันสร้างวิหารแก้วที่วัดม่วง ภายในบรรจุพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นรูปปั้นเนื้อเงินแท้แห่งแรกของไทย ออกแบบด้วยศิลปะไทย-จีน มีพญานาคประดับราวบันได ภายในวิหารยังจัดแสดงสังขารของหลวงพ่อเกษม ผู้ก่อตั้งวัดม่วงตั้งแต่ปี 2525

          หลวงพ่อเกษมมีชื่อเสียงในด้านคาถาอาคม บอกหวยแม่น และรักษาโรค ความสามารถเหล่านี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วบริเวณ และมีผู้คนมากมายมาขอความช่วยเหลือจากเขา ไม่ว่าจะเป็นการขอหวย, รักษาโรค, สักยันต์ หรือแม้กระทั่งการขับไล่วิญญาณ ซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาพักผ่อนเลย

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_12

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_15

          เนื่องจากมีผู้คนมาหาหลวงพ่อเกษมอย่างต่อเนื่อง และบรรดาผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขามักจะบริจาคเงินเพื่อสร้างวัดม่วง หลวงพ่อเกษมทุ่มเทให้กับการบริหารวัด โดยเริ่มจากการสร้างกุฎิสงฆ์, ห้องน้ำ, พระอุโบสถ และหอสวดมนต์ ท่ามกลางความอ่อนล้า หลวงพ่อเกษมก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ และในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอายุ 54 ปี 6 เดือน 7 วัน สังขารของเขาถูกเก็บรักษาไว้ที่วิหารแก้วในวัดม่วงเพื่อเป็นอนุสรณ์

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_13

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_14

Tag : วัดม่วง,อ่างทอง,วิเศษชัยชาญลวัด,ไหว้พระ,วัดใหล้กรุงเทพ,จังหวัดอ่างทอง,สถานที่ท่องเที่ยว,ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

ข้อมูลอื่นๆ

แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในจังหวัดอ่างทอง

วัดราชปักษี(วัดนก)

วัดราชปักษี(วัดนก)

อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) องค์ใหญ่ มีลักษณะคล้ายพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าสมัยอยุธยา
วัดต้นสน

วัดต้นสน

อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
สันนิษฐานว่าเป็นวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีพระพุทธรูปทองเหลืององค์ใหญ่นามว่า สมเด็จพระพุทธนวโลกุตร หรือ สมเด็จพระศรีเมืองทอง องค์ขนาดใหญ่
วัดป่าโมกวรวิหาร

วัดป่าโมกวรวิหาร

อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
พระพุทธไสยาสน์ที่งดงาม ตำนานพระนอนพูดได้ และเป็น 1 ใน 7 วัด พระใหญ่ในที่อ่างทอง
วัดไชโยวรวิหาร (วัดเกษไชโย)

วัดไชโยวรวิหาร (วัดเกษไชโย)

อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ขึ้นมาสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ หลังจากหลวงพ่อโตชำรุดเสียหาย มีการสร้างพระมหาพุทธพิมพ์ ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร
วัดสระเกศ

วัดสระเกศ

อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
ตามประวัติเล่าว่า พระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถ ได้ทรงยกทัพมาตั้งรับกองทัพพม่าที่บ้านสระเกษและทรงได้รับชัยชนะ จากนั้นได้สรงน้ำชำระพระวรกาย ล้างพระพักตร์ และสระพระเกศา ณ ที่นี้ จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดสระเกษ
พระนอนวัดขุนอินทประมูล หรือ พระศรีเมืองทอง

พระนอนวัดขุนอินทประมูล หรือ พระศรีเมืองทอง

อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
เป็นพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่สอง รองจากพระนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานมีความเห็นว่าได้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระตำหนักคำหยาด

พระตำหนักคำหยาด

อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
พระตำหนักที่ปลีกวิเวกของ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
วัดม่วง

วัดม่วง

อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง เมื่อกรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก เหลืออยู่เพียงซากปรักหักพัง
พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง (วัดท่าอิฐ)

พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง (วัดท่าอิฐ)

อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
เดิมที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าเป็นที่ปั้นเผาอิฐเพื่อนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล เรียกว่าท่าขนอิฐ เป็นที่มาของชื่อ วัดท่าอิฐ
วัดคูมะนาวหวาน

วัดคูมะนาวหวาน

อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่มานาน วัดคูมะนาวหวาน มีเกจิอาจารย์หลายๆท่านที่ผู้คนให้การนับถือและศรัทธา และยังมีหลวงพ่อวัดคู เป็นที่สักการะบูชาของผู้คน
วัดศุขเกษมธรรมิการาม(พระสีวลีมหาลาภ)

วัดศุขเกษมธรรมิการาม(พระสีวลีมหาลาภ)

อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
เดิมตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยามากเกินไป จึงย้ายวัดไปหาที่ตั้งวัดขึ้นมาใหม่ ณ ที่ตั้งของวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นวัดร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เดิม
วัดสี่ร้อย

วัดสี่ร้อย

อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังของชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ย้ำเตือนความทรงจำให้ระลึกถึงบรรพบุรุษ 400 คน ที่พลีชีพและปกป้องแผ่นดินจนเสียชีวิต
วัดมหานาม

วัดมหานาม

อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2319 เดิมเรียกวัดนี้ว่า วัดอินทราราม มีพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เรียกกันว่า หลวงพ่อขาว มีงานนสัสการปิดทองหลวงพ่อขาว 2 วัน 2 คืน ในช่วงระหว่าง 10 - 20 มีนาคม ของทุกปี
ซุ้มล้อกันโคลน ชุดเคฟล่า PCX160 (ปี2021-2022)[ซุ้มล้อกันโคลน ชุดเคฟล่า PCX160 (ปี2021-2022)]
อุปกรณ์แต่งรถมอเตอร์ไซค์
฿599 
ชุดล้อ ล้อแม็ก V2 Wave110i Wave 125i ล้อแม็กขอบ17 ล้อแต่ง [ชุดล้อ ล้อแม็ก V2 Wave110i Wave 125i ล้อแม็กขอบ17 ล้อแต่ง ]
ของแต่ง ล้อแม็กรถมอเตอร์ไซค์ 110i 125i เวฟ 110i ไซส์ 1.4*17
฿1,599 
ฝาครอบน็อต ลายดอกไม้ สีโครเมี่ยม [ฝาครอบน็อต ลายดอกไม้ สีโครเมี่ยม ]
น็อตแต่งฝาครอบ ใส่ได้ทุกรุ่น
฿39 
เสื้อแจ็คเก็ต-โมโตจีพี Jacket-MotoGP[เสื้อแจ็คเก็ต-โมโตจีพี Jacket-MotoGP]
เสื้อทีม Repsol Honda แจ็คเก็ต-มอเตอร์ไซค์
฿499 
Posee จ้าวลู่ซือ tiktok hot รองเท้าแตะลําลอง[Posee จ้าวลู่ซือ tiktok hot รองเท้าแตะลําลอง]
พื้นหนา กันลื่น ลายอุ้งเท้าแมวน่ารัก เหมาะกับฤดูร้อน สําหรับผู้ชาย ผู้หญิง ใส่ในบ้าน ห้องน้ํา
฿271 
รองเท้าแตะ keen[รองเท้าแตะ keen]
รองเท้าแตะ รองเท้าชายหาด เดินป่า เดินป่า เดินป่า เดินเขา H2 กันลื่น สําหรับผู้ชาย และผู้หญิง
฿1,128 
ผงไล่งู กำมะถันผสมดินเบาอย่างดี[ผงไล่งู กำมะถันผสมดินเบาอย่างดี]
ไล่แมลงและสัตว์เลื้อยคลานได้ดีมาก บรรจุภัณฑ์ใช้งานง่ายเก็บรักษาง่าย
฿195 
Merry Plant Protein โปรตีนพืช 5 ชนิด[Merry Plant Protein โปรตีนพืช 5 ชนิด]
Merry Plant Protein โปรตีนพืช 5 ชนิด : รส Dark Chocolate Flavor 1 กระปุก 2.3lb. / 1,050g. [ 20 Servings ]
฿1,018 

แหล่งท่องเที่ยวตามจังหวัด

ที่เที่ยวภาคเหนือ

ที่เที่ยวภาคอีสาน

ที่เที่ยวภาคกลาง

ที่เที่ยวภาคตะวันออก

ที่เที่ยวภาคใต้