วัดม่วง

         วัดม่วง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่จำศีล ในอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นับเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในอดีต วัดม่วงเคยเป็นวัดร้าง และมีการสันนิษฐานว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2230 ที่ตั้งของวัดอยู่ในแขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก

         ในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า ทำให้เกิดการเผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม รวมถึงพระพุทธรูปจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากเหตุการณ์นั้นคือซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูปที่ยังคงตั้งอยู่บนเนินที่มีต้นไม้ใหญ่หนาแน่น

         วัดม่วงในปัจจุบันได้รับการบูรณะและดูแลอย่างดี ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ วัดนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการสักการะและทำกิจกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงความเป็นมาของเมืองและวัฒนธรรมไทยในอดีต นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถสัมผัสกับความงามของสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปะที่ฝังแฝงอยู่ในโครงสร้างของวัด ทำให้วัดม่วงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดอ่างทอง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_1

รูปภาพจาก PAK STUDIO

ประวัติของวัดม่วง

        มีการกล่าวถึงประวัติและพัฒนาการของวัดม่วง ซึ่งเริ่มต้นจากการที่ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มาพบว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างในปี พ.ศ. 2525 และได้มีนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง ที่ได้แนะนำให้ท่านช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เนื่องจากท่านพระครูมีบารมีที่สามารถก่อสร้างบูรณะวัดได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้เริ่มบูรณะวัดและสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ซึ่งได้รับการบริจาคทั้งเงินและแรงงานจากผู้มีจิตศรัทธา

ในปี พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะให้วัดม่วงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อย่างเป็นทางการ และในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง และในปี พ.ศ. 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณได้ร่วมพลังจิตอธิฐานกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศในการสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และราชวงศ์จักรี มีชื่อว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร มูลค่าการก่อสร้าง 106,000,000 บาท

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_2

รูปภาพจาก PAK STUDIO

          ด้วยความที่วัดม่วงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา จึงได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตศรัทธาและการทำบุญของชาวพุทธมากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียง ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเยี่ยมชมและปฏิบัติธรรม การสร้างวัดม่วงขึ้นใหม่ไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสืบทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยอันล้ำค่าไปพร้อมกัน ทำให้วัดม่วงเป็นสถานที่ที่มีความหมายและมีค่าต่อวงการศาสนาพุทธและประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_3

รูปภาพจาก PAK STUDIO

บรรยากาศภายในวัดม่วง

         ในบริเวณของวัดม่วง จะพบกับรูปปั้นที่แสดงถึงแดนนรกซึ่งสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเกษม ท่านได้สร้างแดนนรกนี้ขึ้นโดยอิงจากพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นตำราทางศาสนาที่อธิบายถึงหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ภายในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงหลักการของการสร้างบุญกุศลและผลที่ตามมาจากการกระทำ ทั้งนี้หมายความว่า การที่บุคคลสร้างบุญกุศลจะได้รับผลบุญกลับมา และในทางตรงกันข้าม หากสร้างบาป ก็จะต้องรับผลของบาปนั้นตามความเชื่อของศาสนาพุทธ

           รูปปั้นในวัดม่วงนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับกรรมและผลกรรมที่ตามมา การเรียงรายของรูปปั้นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศิลปะที่สื่อถึงความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสอนให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของการกระทำในชีวิตประจำวัน และผลที่ตามมาจากการกระทำนั้นๆ ทั้งนี้ การแสดงออกทางศิลปะผ่านรูปปั้นเหล่านี้ ช่วยให้ผู้เข้าชมได้มองเห็นถึงความลึกซึ้งของหลักธรรมและการสอนของพระพุทธศาสนาในมิติที่หลากหลาย พร้อมทั้งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างกรรมและผลกรรมในวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทย.

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_5

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_6

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_7

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_8

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_9

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_10

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_11

พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วัดม่วง

         หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ และคุณป้าละม่อม รัตนพราหมณ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ร่วมกันสร้างวิหารแก้วที่วัดม่วง ภายในบรรจุพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นรูปปั้นเนื้อเงินแท้แห่งแรกของไทย ออกแบบด้วยศิลปะไทย-จีน มีพญานาคประดับราวบันได ภายในวิหารยังจัดแสดงสังขารของหลวงพ่อเกษม ผู้ก่อตั้งวัดม่วงตั้งแต่ปี 2525

          หลวงพ่อเกษมมีชื่อเสียงในด้านคาถาอาคม บอกหวยแม่น และรักษาโรค ความสามารถเหล่านี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วบริเวณ และมีผู้คนมากมายมาขอความช่วยเหลือจากเขา ไม่ว่าจะเป็นการขอหวย, รักษาโรค, สักยันต์ หรือแม้กระทั่งการขับไล่วิญญาณ ซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาพักผ่อนเลย

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_12

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_15

          เนื่องจากมีผู้คนมาหาหลวงพ่อเกษมอย่างต่อเนื่อง และบรรดาผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขามักจะบริจาคเงินเพื่อสร้างวัดม่วง หลวงพ่อเกษมทุ่มเทให้กับการบริหารวัด โดยเริ่มจากการสร้างกุฎิสงฆ์, ห้องน้ำ, พระอุโบสถ และหอสวดมนต์ ท่ามกลางความอ่อนล้า หลวงพ่อเกษมก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ และในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอายุ 54 ปี 6 เดือน 7 วัน สังขารของเขาถูกเก็บรักษาไว้ที่วิหารแก้วในวัดม่วงเพื่อเป็นอนุสรณ์

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_13

วัดม่วง_จังหวัดอ่างทอง_14

Tag : วัดม่วง,อ่างทอง,วิเศษชัยชาญลวัด,ไหว้พระ,วัดใหล้กรุงเทพ,จังหวัดอ่างทอง,สถานที่ท่องเที่ยว,ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

Other tourist attractions in Ang Thong Province

วัดราชปักษี(วัดนก)

วัดราชปักษี(วัดนก)

อำเภอเมืองอ่างทอง , Ang Thong Province
ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) องค์ใหญ่ มีลักษณะคล้ายพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าสมัยอยุธยา
วัดต้นสน

วัดต้นสน

อำเภอเมืองอ่างทอง , Ang Thong Province
สันนิษฐานว่าเป็นวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีพระพุทธรูปทองเหลืององค์ใหญ่นามว่า สมเด็จพระพุทธนวโลกุตร หรือ สมเด็จพระศรีเมืองทอง องค์ขนาดใหญ่
วัดป่าโมกวรวิหาร

วัดป่าโมกวรวิหาร

อำเภอป่าโมก , Ang Thong Province
พระพุทธไสยาสน์ที่งดงาม ตำนานพระนอนพูดได้ และเป็น 1 ใน 7 วัด พระใหญ่ในที่อ่างทอง
วัดไชโยวรวิหาร (วัดเกษไชโย)

วัดไชโยวรวิหาร (วัดเกษไชโย)

อำเภอไชโย , Ang Thong Province
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ขึ้นมาสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ หลังจากหลวงพ่อโตชำรุดเสียหาย มีการสร้างพระมหาพุทธพิมพ์ ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร
วัดสระเกศ

วัดสระเกศ

อำเภอไชโย , Ang Thong Province
ตามประวัติเล่าว่า พระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถ ได้ทรงยกทัพมาตั้งรับกองทัพพม่าที่บ้านสระเกษและทรงได้รับชัยชนะ จากนั้นได้สรงน้ำชำระพระวรกาย ล้างพระพักตร์ และสระพระเกศา ณ ที่นี้ จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดสระเกษ
พระนอนวัดขุนอินทประมูล หรือ พระศรีเมืองทอง

พระนอนวัดขุนอินทประมูล หรือ พระศรีเมืองทอง

อำเภอโพธิ์ทอง , Ang Thong Province
เป็นพระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่สอง รองจากพระนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานมีความเห็นว่าได้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระตำหนักคำหยาด

พระตำหนักคำหยาด

อำเภอโพธิ์ทอง , Ang Thong Province
พระตำหนักที่ปลีกวิเวกของ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
วัดม่วง

วัดม่วง

อำเภอวิเศษชัยชาญ , Ang Thong Province
เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง เมื่อกรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก เหลืออยู่เพียงซากปรักหักพัง
พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง (วัดท่าอิฐ)

พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง (วัดท่าอิฐ)

อำเภอโพธิ์ทอง , Ang Thong Province
เดิมที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าเป็นที่ปั้นเผาอิฐเพื่อนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล เรียกว่าท่าขนอิฐ เป็นที่มาของชื่อ วัดท่าอิฐ
วัดคูมะนาวหวาน

วัดคูมะนาวหวาน

อำเภอวิเศษชัยชาญ , Ang Thong Province
เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่มานาน วัดคูมะนาวหวาน มีเกจิอาจารย์หลายๆท่านที่ผู้คนให้การนับถือและศรัทธา และยังมีหลวงพ่อวัดคู เป็นที่สักการะบูชาของผู้คน
วัดศุขเกษมธรรมิการาม(พระสีวลีมหาลาภ)

วัดศุขเกษมธรรมิการาม(พระสีวลีมหาลาภ)

อำเภอไชโย , Ang Thong Province
เดิมตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยามากเกินไป จึงย้ายวัดไปหาที่ตั้งวัดขึ้นมาใหม่ ณ ที่ตั้งของวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นวัดร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เดิม
วัดสี่ร้อย

วัดสี่ร้อย

อำเภอวิเศษชัยชาญ , Ang Thong Province
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังของชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ย้ำเตือนความทรงจำให้ระลึกถึงบรรพบุรุษ 400 คน ที่พลีชีพและปกป้องแผ่นดินจนเสียชีวิต
วัดมหานาม

วัดมหานาม

อำเภอไชโย , Ang Thong Province
สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2319 เดิมเรียกวัดนี้ว่า วัดอินทราราม มีพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เรียกกันว่า หลวงพ่อขาว มีงานนสัสการปิดทองหลวงพ่อขาว 2 วัน 2 คืน ในช่วงระหว่าง 10 - 20 มีนาคม ของทุกปี

Tourist attractions by province

Northern tourist

Northeast tourist

Central tourist

Eastern tourist

Southern tourist