วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงด้านทิศตะวันตกนอกเกาะเมืองอยุธยา ในพื้นที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนี้แต่เดิมเรียกว่า "วัดไชยาราม" และ "วัดไชยชนะทาราม" เป็นพระอารามหลวงสมัยอยุธยา สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2173 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยทรงสถาปนาเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี ณ บริเวณที่ดิน ซึ่งเป็นนิวาสถานของพระราชชนนี ทรงสร้างเพื่ออุทิศถวายพระราชชนนี และเฉลิมพระเกียรติพระองค์ที่มีชัยชนะต่อการรบกับเขมร
สถาปัตยกรรมหลักซึ่งเป็นประธานของวัด ได้แก่ กลุ่มปรางค์ 5 องค์ ล้อมรอบด้วยระเบียบคด มีอาคารทรงปราสาทยอดอยู่กึ่งกลางและมุมของระเบียงคดแต่ละด้าน เรียกว่า "เมรุทิศ - เมรุราย" รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ ตลอดจนแผนผังในการก่อสร้างโบราณสถานภายในวัด แสดงให้เห็นถึง พระราชนิยมของสมเด็จปราสาททองที่รับอิทธิพลความเชื่อในแบบเทวราชาของขอมเข้ามาในรัชสมัยของพระองค์
วัดไชยวัฒนาราม เป็นโบราณสถานที่ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2478 เปิดให้เข้าชมทุก วันตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมศิลปกร
วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงด้านทิศตะวันตกนอกเกาะเมืองอยุธยา ในพื้นที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนี้แต่เดิมเรียกว่า "วัดไชยาราม" และ "วัดไชยชนะทาราม" เป็นพระอารามหลวงสมัยอยุธยา สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2173 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยทรงสถาปนาเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี ณ บริเวณที่ดิน ซึ่งเป็นนิวาสถานของพระราชชนนี ทรงสร้างเพื่ออุทิศถวายพระราชชนนี และเฉลิมพระเกียรติพระองค์ที่มีชัยชนะต่อการรบกับเขมร
สถาปัตยกรรมหลักซึ่งเป็นประธานของวัด ได้แก่ กลุ่มปรางค์ 5 องค์ ล้อมรอบด้วยระเบียบคด มีอาคารทรงปราสาทยอดอยู่กึ่งกลางและมุมของระเบียงคดแต่ละด้าน เรียกว่า "เมรุทิศ - เมรุราย" รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ ตลอดจนแผนผังในการก่อสร้างโบราณสถานภายในวัด แสดงให้เห็นถึง พระราชนิยมของสมเด็จปราสาททองที่รับอิทธิพลความเชื่อในแบบเทวราชาของขอมเข้ามาในรัชสมัยของพระองค์
วัดไชยวัฒนาราม เป็นโบราณสถานที่ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2478 เปิดให้เข้าชมทุก วันตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมศิลปกร